Nikon Z 8 : ที่สุดของกล้อง Mirrorless สำหรับสาย Landscape

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา Nikon Z 7 เดินทางไปกับผมแทบทุกที่ เป็นกล้อง Mirrorless ตัวแรกที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา คุณภาพดี ช่องมองภาพดิจิทัลที่เป็นธรรมชาติ คุณภาพของไฟล์ รวมถึงเมาท์ Z ที่รองรับเลนส์คุณภาพสูง  ซึ่งแตกต่างจากเมาท์ F ของ Nikon DSLR โดยสิ้นเชิง ผมยังบอกกับเพื่อนๆ ว่า “หากกำลังมองหากล้องถ่ายภาพที่ใช้ยาวๆ 5-6 ปี พี่ว่ากล้อง Z 7 นี่หล่ะ คือ คำตอบ” ทุกอย่างลงตัว น่าประทับใจ 

ตอนนั้นยังคิดฝันว่า ถ้าจะมีกล้องรุ่นต่อไปของ Nikon ... ผมก็อยากเห็นการ Upgrade ของ Nikon D850 กล้องเรือธง DSLR ในสาย Pro-landscape ในรูปแบบของ Mirrorless เพราะ Z 7 แม้จะสุดจริง แต่ฟังก์ชันหลายอย่างก็ถูกตัดทิ้งไปจาก D850 เช่น การวางปุ่มทำงานแยกอิสระ กริ๊ปลึกจับแน่น ปุ่มเรืองแสง หรือแม้แต่ยางรองช่องมองภาพพร้อมตัวล็อค ฯลฯ … และในที่สุด  5 ปี แห่งการอคอยก็มาถึงเมื่อ Nikon ปล่อย Z 8 ออกมา และ Power up กว่าที่ผมฝันถึงไปอีกหลายขั้น!

ข่าวการเปิดตัวกล้องรุ่นนี้เป็นที่กล่าวขานกันในวงช่างภาพตั้งแต่ต้นปี 2566 แต่ผมไม่มีแม้แต่โอกาสได้สัมผัสหรือทดลองใช้เลย เนื่องจากต้องเตรียมตัวเข้ารับการรักษาและพักฟื้นร่างกายจากการผ่าตัดกว่าครึ่งปี จนต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปทดลองและมีโอกาสนำกล้อง Nikon Z 8 จาก Nikon Sales Thailand ไปถ่ายภาพแสงเหนือ และ Landscape ที่ Norway นับว่าเป็นทริปแรกของผมหลังการรักษาตัว ที่พยายามวางแผนถ่ายภาพแบบจัดหนักจัดเต็มให้สมกับการรอคอยกล้องตัวนี้ด้วยเช่นกัน ผมใช้เวลาอยู่กับ Nikon Z 8 ตลอดทริปเกือบ 15 วัน เลยอยากนำประสบการณ์ความประทับใจต่อกล้อง Nikon Z 8 มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งผมพอจะสรุปได้ 10 ข้อด้วยกันครับ

  1. Nikon Z 8 คือ Z 9 ย่อส่วน: Z 8 คือ Z 9 ที่ตัดกริ๊ปด้านล่างออก แต่ความโหดในประสิทธิภาพของเรือธง ยังเก็บมาเกือบ 100% ผมเคยรีวิวกล้อง Z 9 ไปแล้วเมื่อต้นปีก่อน ตอนนั้นยังตัดคะแนน “น้ำหนัก และความใหญ่” ของ Z 9 ว่าไม่เหมาะที่จะพกพาเดินทางท่องเที่ยวหรือปีนเขาในแบบที่ผมชอบ ... พอกล้อง Nikon Z 8 ออกมาในขนาดที่เล็กกว่า เบากว่า จึงง่ายมากที่จะป้ายยาตัวเองอย่างรวดเร็ว และที่ผมชอบสุดๆ อีกอันคือ Sensor shield ที่ตกทอดมาจาก Z 9 ... ตอนผมได้ข่าวว่าจะมีการปล่อยกล้อง Z 8 ผมก็ลุ้นตลอดว่าขอให้มีฟังก์ชั่นนี้มาด้วย … และมาครบจริง ทำให้ลดความกังวลใจตอนถอด/เปลี่ยนเลนส์ในภาคสนามไปได้มากครับ

  2. สัมผัสที่เหนือกว่า: Nikon Z 8 ให้ความรู้สึกในการสัมผัสที่ดีกว่า Z 7 บอดี้แน่น เต็มมือ นิ้วไม่หลุด กริ๊ปลึก ฟีลลิ่งการจับดีงาม น้ำหนักพอๆ กับ D850 ประเด็นนี้อาจขัดใจสายชิลเน้นกล้องเบาอยู่บ้าง แต่เชื่อเถอะ ... เมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่เติมเข้ามาในกล้อง Z 8 เช่น Stacked CMOS, กันสั่น 6 stops, การถ่ายภาพต่อเนื่อง 30fps, ความเร็วชัตเตอร์ 1/32000, ปุ่มเรืองแสง, ความไวในการโฟกัส หรือ Sensor shield ฯลฯ มันคุ้มที่จะแบกครับ 

  3. ใช้งานง่ายกว่าที่คิด: การเข้าใช้งานปุ่มฟังก์ชัน ดีมากกกกกกก สะดวก รวดเร็ว มีการวางปุ่มเฉพาะสำหรับ Mode, White balance และ BKT (การถ่ายภาพคร่อม) ที่ใช้งานบ่อยมากในสาย Landscape ไม่นับรวมปุ่ม fn อีก 3 ปุ่มให้ปรับแต่งได้ดังใจ ทำให้ผมสามารถ custom i menu บนหน้าจอให้มีคำสั่งอื่นทดแทนปุ่มทั้ง 3 ข้างต้น … อีกทั้งได้ออกแบบย้ายปุ่ม Play ไปด้านขวาล่าง และให้ปุ่ม Lock ภาพ และปุ่ม Delete อยู่ข้างๆ กัน ที่ด้านซ้ายบน ทำให้การจัดการไฟล์ภาพทำได้สะดวก คล่องตัวกว่าเดิมแบบรู้สึกได้

  4. การทำงานรวดเร็วทันใจ: Nikon Z 8 ทำงานไวมาก ด้วยชิปประมวลผลภาพสุดแรง Expeed 7 ทำเอา Z 7 หรือแม้แต่ Z 6ii ช้าไปเลย! เปิดปุ๊บถ่ายภาพปั๊บ Process/Edit ภาพหลังกล้องได้เร็ว เลื่อนภาพ ซูมภาพ Smooth มาก ... เวลาดูภาพที่ถ่ายมาเป็นพันๆ ใบ ใช้นิ้วไถๆ ลื่นปรื๊ด และยังสามารถกำหนด Filter เพื่อจัดหมวดหมู่ภาพได้ด้วย สะดวกไปอีกขั้น 

  5. มิตรสหายยามค่ำคืน: ทริปนี้ผมตั้งใจที่จะถ่ายแสงเหนือเป็นหลัก และโชคดีที่ฟ้าเป็นใจได้ลุยถ่ายแสงเหนือตลอดหลายคืน ... ยิ่งถ่ายภาพตอนกลางคืน ยิ่งชอบ Z 8 เพราะมีปุ่มเรืองแสง ให้ทำงานได้คล่องตัว + Starlight mode โฟกัสในที่มืด -7ev ถึง -9ev + Warm display color ทำให้การถ่ายภาพกลางคืนง่าย และสนุกมาก ผมเลยมั่นใจใน Z 8 ว่าเป็นกล้องที่สมบูรณ์แบบสำหรับช่างภาพสาย Landscape 

  6. จอภาพและการแสดงผลที่เลิศขึ้น: Nikon Z 8 มีจอภาพสว่างกว่า Z 7 แถมจอยังพับได้ถึง 4 แกน ทำให้การใช้งานกล้องง่ายขึ้นมากโดยเฉพาะในมุมต่ำ ไม่ต้องก้มๆ ย่อๆ ให้เมื่อยเข่า + จอพับสามารถแสดงผลแนวตั้ง ให้เห็นข้อมูลถ่ายภาพได้ง่าย สะดวกขึ้น ยังไม่นับรวม Viewfinder แบบ Real-live ถ่ายภาพพร้อมเห็นภาพใน Viewfinder ไปพร้อมกัน (ไม่มืดดับเหมือนรุ่นก่อน)

  7. การบันทึกไฟล์แบบใหม่: กล้อง Z 8 มีการบันทึกไฟล์ขนาดเล็กรูปแบบใหม่ “High Efficiency” จากเดิมไฟล์ RAW 50 mb ให้มีขนาดเล็กลงเหลือเพียง 25-30 mb แต่มีคุณภาพเท่าเดิม ทำให้ประหยัด พื้นที่ใน Memory card ไปได้มาก

  8. ไฟล์ภาพคุณภาพดี: แม้ว่า Z 8 ไม่ต่างจาก Z 7 มากนักในการแต่งภาพ จะดึงแสง เร่งสี เร่งวุ้น ไฟล์ Nikon ก็ยังคงตำนานของไฟล์ที่เยี่ยมยอดเช่นเดิม แต่ในส่วนของเนื้อไฟล์ที่ถ่ายด้วย high iso นั้น กล้อง Z 8 ให้ภาพที่เนียนกว่า Z 7 ...โดย high iso หวังผลเพื่อใช้งานต่อ เช่น พิมพ์ภาพขนาดใหญ่ หรือส่งขาย Stock กล้อง Z 7 ผมตีให้อยู่ที่ iso 3200 ส่วน Z 8 ผมตีให้อยู่ที่ iso 5000 ถามว่าแล้วใช้ iso ที่สูงกว่านี้ เช่น iso 6400 ขึ้นไป ใช้งานได้ไหม? ... มันก็ได้ทั้งสองรุ่นครับ จะใช้ถึง iso 25600 ก็ได้ แต่คุณภาพที่จะนำไปใช้ต่อไม่ค่อยดีแล้ว นอกจากนี้เห็นว่า Z 8 ยังรองรับ Firmware update เพิ่ม Mode: Pixel shift shooting ความละเอียดสูง 180MP ด้วย ซึ่งผมยังไม่ได้ลอง เพราะไอ้ที่มีให้ก็ทรมานเครื่องคอมฯ พอควรหล่ะ แต่ก็นะ มีไว้ก่อน เผื่อได้ใช้ภายหลังครับ

  9. อึด ถึก ทน: การออกแบบกล้อง Z 8 ยังมีโครงบอดี้ที่ทนทาน มีซีลกันละอองน้ำละอองฝุ่นรอบตัว สมบุกสมบันเป็นพิเศษ เหนือกว่า Z 6/7 (หลายคนว่าแบบนั้น) ประเด็นนี้ผมไม่ได้ทดสอบว่าแกร่ง ทนทานไหม ไม่กล้าโยนทดสอบ 555 และใช้งานได้ไม่นาน ส่วนตัวใช้งานกล้อง Nikon มาหลายรุ่น ทุกตัวแกร่งเหมือนกันหมด ตกบ้าง กระแทกบ้าง ใช้ยาวหลายปีสภาพก็ยังสวยอยู่ (ผมใช้กล้องค่อนข้างถนอม) … ส่วนประเด็นว่ากล้อง Z 8 นั้นทนต่อสภาพอากาศแค่ไหน? หิมะตก ฝนโปรย อากาศหนาว/เย็นจัด (ไม่เกิน -10 องศาเซลเซียส) ผ่านไหม? อันนี้ไปลุยด้วยกันมาแล้ว นิ่งมาก สู้มาก ถ่ายยาวๆ ลุยได้แบบมั่นใจครับ และสำหรับคนถ่ายภาพหนักๆ ถ่ายเผื่อ ถ่ายคร่อม ถ่าย Timelapse รับรองถูกใจในกล้อง Z 8 แน่นอน ถ่ายรัวๆ ไปเลยไม่ต้องกลัวชัตเตอร์พัง!! เพราะ Z 8 ใช้ระบบ e-shutter มั่นใจไปเลยว่ารับงาน/ใช้งานยาวๆ 5-7 ปี สบายๆ ครับ (ยกเว้นปัญหาข้อผิดพลาดทาง Hardware อื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นนะ อันนั้นแล้วแต่เคส)

  10. ฟังก์ชันด้านวิดีโอแบบมืออาชีพ: ผมไม่ใช่สายวิดีโอ แต่การมีฟังก์ชันด้านวิดีโอแบบจัดเต็ม ถือว่าเป็นของแถม .. มีให้ ดีกว่าไม่มี ... โดยกล้อง Z 8 สามารถถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ เช่น 8K UHD/30p, Timelapse 8K HDR, ไฟล์วิดีโอ N-Log, ProRes422HQ 10 bit และ RAW 12 bit ได้โดยตรงจากกล้องเลย หากเทียบกับกล้อง Nikon Z 6/7 ที่มีอยู่ จะถ่ายแบบนี้ต้องต่อจอนอก เช่น Atomos Ninja ต้องลงทุน ติดตั้ง ทำให้หนักขึ้นอีกมากมาย

จะให้ชมทั้งหมด เดี๋ยวเหมือนจะอวยกันมากไป ซึ่งถ้าจะให้นึกถึงข้อเสียในกล้อง Z 8 ก็คงมีบ้างหยุมหยิม เช่น

  • น้ำหนักที่มากไปสำหรับบางคน: บางคนติเรื่องน้ำหนัก แต่สำหรับผมไม่ติดใจตรงนี้เลย รอบนี้แบก 2 body (Z 8) และ 4 เลนส์ ก็ลุย เดินขึ้นเขาได้ ไม่หนักมากนักครับ อาจเพราะใช้กระเป๋ากล้องแบบเป้สะพายหลัง ทำให้ Balance น้ำหนักลงหลังได้ดี

  • แบตเตอรี่หมดไวในบาง Mode: การใช้งาน Starlight mode จะกินแบตค่อนข้างไวกว่าการใช้งานปรกติ ถ่ายแสงเหนือเปิดหาโฟกัสเพลินๆ แปบเดียว แบตวูบเลย

  • ราคาทำให้ใจสั่น: Z 8 เปิดตัวถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกล้องตัวอื่นที่ Nikon เคยเปิดตัว (ยกเว้น Z 9) ราคาตอนเปิดตัวตีไปแสนห้า! หลายคนบ่นแพง แต่หากไปเทียบกับกล้อง Z 9 จะถือว่าราคาน่าสนใจมาก เหมือนตัดกริ๊ปด้านล่างออก และตัดฟังก์ชั่นบางตัวทิ้งไป ราคาหายไปทันทีเกือบ 5 หมื่นบาท! และตอนนี้ Dealer หลายแห่งทำราคา/โปรโมชัน กล้อง Z 8 ได้น่าโดนมากๆ ... เช่น ช่วงโปร 3.3 4.4 ราคาลดลงมาเหลือแสนต้นๆ ถือว่าคุ้มค่า น่าจัดมาก  

  • การเชื่อมต่อกับ Snapbridge: การเชื่อมต่อกับกล้อง Z 8 กับ Snapbridge บนมือถือเพื่อโหลดภาพ บางครั้งก็หลุดไปเฉยๆ ไม่ค่อยเสถียรนัก 

  • สิ่งที่อยากให้มีเพิ่ม: ผมอยากให้ Nikon พัฒนาโปรแกรมในกล้องให้สามารถถ่ายภาพ Panorama แล้วต่อกันเป็นไฟล์ .tff หรือ .jpeg น่าจะช่วยให้การถ่ายภาพ Landscape ง่าย และสนุกขึ้นเยอะเลยครับ

ข่าวที่ Nikon แถลงว่า “Z 8 เป็นกล้อง Mirrorless ที่ดีที่สุดเท่าที่ Nikon เคยผลิตมา และอาจเป็นกล้องที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เหมือนคำอวดอ้าง! แต่จากประสบการณ์จริงภาคสนามกับกล้อง Z 8 ใน 15 วันที่ผ่านมา ทำให้ผมเชื่ออย่างไม่ลังเลที่จะขายกล้อง Nikon Z 7 ออกไป และป้ายยาตัวเอง Upgrade มาใช้กล้อง Nikon Z 8 ให้เป็นลูกรักตัวใหม่ เพราะด้วยฟังก์ชัน + การออกแบบทั้งหมดในกล้องตัวนี้ จะช่วยเติมเต็มให้ผมมีความสุขในการถ่ายภาพมากขึ้น และสนุกขึ้นในทุกครั้งที่ได้ออกเดินทางครับ 

ท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณ Nikon Sales Thailand ที่เอื้อเฟื้อให้ยืมกล้อง Nikon Z 8 เพื่อไปเก็บภาพแสงเหนือในประเทศ Norway ในครั้งนี้ หากเพื่อนๆ สนใจดูข้อมูลกล้อง Nikon Z 8 เพิ่มเติม ก็เรียนเชิญที่ Website ของ Nikon ตามนี้

https://www.nikon.co.th/mirrorless-z-8

แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางไปกับ Nikon Z 8 ของผมนะครับ 

Gallery ภาพบางส่วนถ่ายด้วยกล้อง Nikon Z 8 ในทริป Lofoten - Tromso, ประเทศ Norway ครับ

Next
Next

ควงน้อง Z 30 ไปเที่ยวปากีสถาน