ที่สุดแห่งกล้อง DSLR – Nikon D850: I am the different maker

“…ถ้าเกิดมีวิศวกรเก่งๆ รับจ้าง Upgrade กล้องรุ่นอื่นของ Nikon ให้มี Spec. แบบ Nikon D850 ในราคาค่าจ้าง 5 หมื่นบาท ผมรับรองได้ว่า วิศวกรคนนั้นรวยเละ … แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ผมยอมจ่ายเงินเพื่อ Upgrade กล้องจาก Nikon D810 มาเป็น Nikon D850 อย่างไม่ลังเล เพราะ D850 คือที่สุดแห่งเทคโนโลยีที่ Nikon ประเคนให้เราในงบที่เอื้อมถึง…”

Nikon D850 เกิดมาเพื่อเปลี่ยนโลกแห่งการถ่ายภาพ

หลังจากรอคอยมา 3 ปีเต็มตั้งแต่ Nikon D810 เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน ในปี 2557 … ในที่สุด วันพฤหัสที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา Nikon ในแต่ละประเทศ ได้ประกาศเปิดตัวกล้อง Nikon D850 อย่างเป็นทางการ โดยมีฉายาว่า Hercules จอมพลัง ซึ่งเป็นกล้องที่ได้รับการกล่าวขานกันมา 3-4 เดือนก่อนหน้านี้อย่างเข้มข้น เราจะทราบข่าวสเปคหลุด ภาพหลุดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ช่างภาพทุกแขนงต่างจับตามองว่า หนึ่งในเรือธงรุ่นใหม่ของ Nikon นี้จะมีศักยภาพทะลุข่าวลือมากน้อยแค่ไหน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่างภาพสาย Landscape (และสาย Stock) ต่างรอคอยที่จะเห็นสเปคเต็มๆ และผล Review ของกล้อง Nikon D850 นี้อย่างใจจดใจจ่อ มีคำถามมากมายถึงศักยภาพที่เหนือกว่า Nikon D810 หรือไม่? ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ใส่เข้ามาใหม่นั้น…คุ้มหรือเปล่าที่จะ upgrade จากรุ่นอื่นๆ ขึ้นมาซื้อ Nikon D850? หลังจากผมได้รับเชิญให้มาร่วมงาน NPS – D850 Debut เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม และได้มาสัมผัส Nikon D850 ตัวเป็นๆ ในวันเปิดตัวที่ตึก Empire … ผมมีคำตอบบางอย่างที่ช่วยให้เราเข้าใจเจ้ายักษ์ใหญ่จอมพลัง และตัดสินใจง่ายขึ้นในการ upgrade มาใช้ Nikon D850 ครับ

สรุปแบบสั้นๆ เผื่อใครไม่มีเวลาไปอ่านรายละเอียด้านล่าง … Nikon D850 คือกล้องรอบจัด ที่มีศักยภาพสูงมาก ตอบสนองการทำงานได้ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ให้แก่ช่างภาพ (เกือบ) ทุกแขนงอย่างจริงจัง ทั้ง Landscape, Portrait, Fashion, Documentary, Wildlife, หรือแม้แต่ Sport photography ด้วยสเปคที่อัดมาในระดับมืออาชีพ มีฟังก์ชั่นหลักและเสริมที่เมื่อเข้าไปศึกษาดู ต้องร้องว้าววววววยาวๆ เลย ขนาดที่เมื่อเทียบกับกล้อง Nikon D810 ที่เคยใช้อยู่ ยังพบว่า มีการ Upgrade ไปแบบก้าวกระโดด รายละเอียดมีอย่างไร ไปดูกันในหัวข้อต่อไปเลยครับ

เปรียบเทียบ Nikon D850, D810 และ D5

ISO หรือที่ย่อมาจากคำว่า “International Standards Organization” ที่ถูกกำหนดเป็นมาตรฐานสากลในการวัดความไวต่อแสงของฟิล์มและ Sensor ของกล้อง Digital มีหลักในการอ่านง่ายมากๆ คือ ค่า iso ต่ำ ฟิล์มหรือ Sensor ก็จะไวแสงน้อย หากค่า iso สูง ก็จะไวแสงมากขึ้น โดยมักจะปรับค่า iso ให้สูงขึ้นในการถ่ายภาพบริเวณที่มีแสงน้อย (เช่น ช่วงมืดค่ำ หรือในอาคารที่มีแสงน้อย) ซึ่งช่วงนี้เองที่เราไม่สามารถชดเชยการเปิดรับแสงของ ฟิล์มหรือ Sensor จากการปรับค่ารูรับแสง (Aperture) หรือความเร็วชัตเตอร์ (Shutter speed) ได้มากพอ ทั้งนี้ คนส่วนมากเชื่อว่า ทุกครั้งที่ถ่ายภาพ เราต้องใช้ iso มาตรฐานของกล้องนั้นๆ เช่น Nikon D5, D500 ก็มักจะใช้ที่ iso 100 หรือ Nikon D810 ก็ใช้ที่ iso 64 เพื่อให้ได้คุณภาพของภาพสูงสุด ภาพจะเนียน สวยใส และมักกังวลใจว่า หากปรับค่า iso ให้สูงขึ้นจะทำให้คุณภาพของภาพลดลง มีเม็ดสีหยาบๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งภาพ ดูหยาบไม่เนียน อีกทั้งทำให้ภาพมีสีที่ผิดเพี้ยนไป ซึ่งการดันค่า iso นี้ โดยเทคนิคแล้ว คือ คำสั่งที่ไปเพิ่มกระแสไฟฟ้าบน Sensor ของกล้องทำให้มีความไวแสงที่มากขึ้น ซึ่งจะแลกมาด้วยการเกิดสัญญาณรบกวนในภาพทำให้เกิด Noise ที่มากขึ้น

Specification หลักๆ ของ D850 เปรียบเทียบกับ D810 และ D5 (สำหรับสาย Landscape) ** ราคาในช่วงนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการนะครับ ราคาด้านล่างจึงเป็นเพียงการประมาณการเท่านั้น ราคาจริงอาจแตกต่างไปจากนี้ครับ

บรรยากาศการเปิดตัว Nikon D850 ที่ตึกเอมไพร์ท สาธร ในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2560

7 ที่สุดแห่ง Spec. ของ D850 ที่โดนใจสาย Landscape

จากข้อมูลกล้อง Nikon D850 ในภาพที่ 2 นั้น เป็น Spec. คร่าวๆ ที่สำคัญของ Nikon D850 ที่ผมสรุปออกมา … จริงๆ แล้วมีอีกลักษณะของกล้องอีกหลายอย่างที่ไม่ได้นำมารวมในนี้ แต่แค่นี้ ก็โหดเหลือรับประทานกันแล้วครับ เรามาลองไล่กันดูว่า ในบรรดาข้อมูลยิบยับในตารางนั้น มี Spec. ไหนบ้างที่โดนใจผมบ้าง? โดยต้องบอกไว้ก่อนว่า ผมใช้เกณฑ์ของกล้อง Nikon D810 ที่เคยใช้งานมาตลอดเป็นบรรทัดฐาน สิ่งไหนที่เหนือกว่า D810 และมันสำคัญกับการถ่ายภาพ Landscape + Stock ผมก็ขอสรุปไว้ดังนี้ครับ

[1] สมราคา Hercules ไฟล์ใหญ่ ยิงได้ไว

D810 ให้ไฟล์ขนาดใหญ่ที่ 36 MB ถ้าคิดว่ามันเพียงพอ … คิดใหม่ได้นะครับ เพราะสื่อทุกวันนี้เริ่มก้าวกระโดดไปมาก พร้อมกับความต้องการไฟล์ภาพที่ใหญ่ขึ้นในฝั่งของลูกค้า ตลอดจนการพิมพ์ภาพที่ไฟล์ขนาดใหญ่ ย่อมให้ความคมชัดมากกว่าไฟล์ภาพขนาดเล็ก และ Nikon D850 ตอบสนองต่ออุตสาหกรรมการถ่ายภาพด้วยไฟล์ขนาดใหญ่ 45.4 MB ที่สามารถพิมพ์ภาพขนาด A1 ได้คมชัด และยังเหนือขึ้นไปกับการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมสื่อสารและโฆษณา ไม่ใช่แค่ไฟล์ใหญ่ แต่ยังยัด “ความเร็ว” ในการถ่ายภาพมาด้วย ยิงภาพต่อเนื่องได้ 7-9 ภาพ/วินาที ซึ่งเกินพอสำหรับสาย Landscape และน่าจะเหมาะกับช่างภาพ Portrait, Fashion, Macro ต่างๆ เช่นกัน

[2] ตัวประมวลผล EXPEED 5

สรุปง่ายๆ ตัวประมวลผลของ Nikon หรือที่เรียกว่า EXPEED Image/Video processor นั้น คือ “หัวใจหลัก” ของ “การทำงานของกล้อง” ไล่ตั้งแต่การโฟกัส เปิดรับแสง การประมวล และการแสดงภาพดิจิตอล ในแต่ละยุคจะมีการ Upgrade processor นี้ให้สูงขึ้นในกล้องแต่ละรุ่น ซึ่งจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงานของกล้อง ตลอดจนการแปลงข้อมูลแสงเป็นข้อมูลดิจิตอลมีความถูกต้องมากขึ้น ทั้งในส่วนของแสง สี รายละเอียด ความคมชัด รวมถึงการจัดการ Noise ที่ดีขึ้นด้วย … EXPEED ล่าสุดนั้น คือ รุ่นที่ 5 ที่ใช้ในกล้อง Nikon D5, D500 และ Nikon D850 ใหม่นี้ด้วย และเมื่อใช้งานร่วมกับระบบ sensor CMOS แบบ Backside illumination ที่ออกแบบโดย Nikon จึงไม่ต้องแปลกใจหากภาพรวมของไฟล์, Dynamic range, การไล่สีในภาพ, ตลอดจนการจัดการ Noise ที่ iso สูงขึ้นของกล้อง D850 จะเหนือกว่า D810 อย่างแน่นอน

[3] จุดโฟกัส และระบบโฟกัสจาก D5

D850 ถอดความยอดเยี่ยมในการโฟกัส และจุดโฟกัสมาจากรุ่นพี่ Nikon D5 ซึ่งเมื่อเทียบกับ Nikon D810 (ที่มีจุดโฟกัส 51 จุด) จะพบว่า D850 จะครอบคลุมขอบเขตการโฟกัสมากถึง 130% อีกทั้งยังให้ความแม่นยำในการโฟกัสที่ดีขึ้นกว่าเดิม ในสาย Landscape แม้เราอาจใช้ประโยชน์จากจุดโฟกัสไม่เต็มที่เหมือนช่างภาพสายอื่น แต่การ Combo กับ Function อื่นๆ ของ D810 ทั้งการใช้จอสัมผัส เพื่อโฟกัสพร้อมกดชัตเตอร์ ตลอดจนการถ่ายภาพ Auto Focus-stack bracketing จากฉากหน้าถึงฉากหลัง ที่เป็น Function ที่ดีงามใน D850 (ช่วยให้เราถ่ายภาพโดยกำหนดจุดโฟกัสของภาพได้ถึง 300 ใบ ใน 10 ระดับ แถมตั้งช่วงเวลาถ่ายภาพได้ตั้งแต่ 0 – 30 วินาที) พูดได้เลยว่า มันถือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของอุปกรณ์ในการถ่ายภาพ Landscape ที่ดีกว่าเดิมมาก นี่ยังไม่รวมการทำงานคู่กับ Live view แบบ Split screen ที่ให้เราวางแผนถ่ายภาพ Focus-stack เพื่อนำภาพที่ได้ไป Blending ต่อในการแต่งภาพในภายหลัง

ทดสอบการทำงานของ Nikon D810 และ Nikon D850 โดยการถ่ายภาพด้วยเลนส์ Nikon 28/1.4 กำหนดค่าแสงเดียวกัน ถ่ายภาพแบบ JPG แล้วนำภาพมาเปรียบเทียบความสามารถในการจัดการ Noise โดยไม่มีการใช้โปรแกรมลด Noise ภาพที่ได้มาจากการย่อขนาดลงมา และปรับความคมของภาพเล็กน้อยเพื่อคืนความคมที่สูญเสียไปจากการย่อภาพครับ ภาพด้านล่างนี้ แสดงผลการถ่ายภาพด้วย iso 12800 ซึ่งระดับ iso ที่ต่ำกว่านี้มีความแตกต่างกันเล็กน้อย และแยกความแตกต่างได้น้อยมากที่ iso 1600 ลงไปครับ

เปรียบเทียบภาพขนาด 100% จากกล้อง Nikon D850 (บน) และ D810 (ล่าง) ที่ระดับ iso 12800

[4] ความยืดหยุ่นในการทำงานผ่านจอแสดงภาพ สัมผัส + พับ + ปุ่มเรืองแสง

ในที่สุด … ในที่สุด มันก็มาแล้ววววววว ฟังก์ชั่นที่ผมรอคอยมาตลอด 5 ปีตั้งแต่ก่อน Nikon D810 จะคลอดออกมา นั่นก็คือ จอพับแบบ Full Touch Screen สำหรับกล้อง Semi-Pro ของ Nikon มันโครตสำคัญสำหรับสาย Landscape เลยครับ ที่สำคัญ Nikon D850 นำเสนอจอพับขนาดใหญ่ 3.2 นิ้วที่มีความละเอียดสูง แข็งแรง และยังให้แสงที่สว่างกว่าเดิม มันคือการ Fusion จอพับของ D500 + คุณภาพจอของ D5 กลายร่างเป็นจอพับในรุ่น D850 คราวนี้จะมุมก้ม มุมเงย หรือถ่ายภาพในที่มืดแค่ไหนก็ (น่า) จะเอาอยู่ … ตลอดเวลาที่ถ่ายภาพดาว / ทางช้างเผือกด้วยกล้อง D810 มาตลอด 3 ปี … รู้สึกอึดอึดทุกครั้งที่ต้องโฟกัส “ดาว” ผ่าน Live view มันโฟกัสไม่เข้าครับ จอมันแสดงผลได้ไม่ดีนัก แต่นี่ … D850 คือคำตอบที่รอมานานจริงๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เลนส์มือหมุนเพื่อบิดเลนส์สุดให้โฟกัสเข้าดาวอีกต่อไป แค่เปิด Live view แล้วหมุนจนเห็น “จุดดาว” คมชัด … ซัดเปรี้ยง เข้าแน่นอน ? และอีกหนึ่งสิ่งที่อิจฉา Nikon D5 มาตลอดคือ ปุ่มเรืองแสงด้านหลัง … การถ่ายภาพกลางคืนจำเป็นมากๆ บ่อยครั้งที่ใช้ Nikon D810 แล้วต้องควานหาปุ่ม Menu หรือปุ่มอื่นๆ สุดท้ายต้องเปิดไฟฉาย ท่ามกลางความมืดที่เพื่อนๆ คนอื่นถ่ายดาวกันอยู่ Y_Y ขอโทษนะครับ … แต่มันจะไม่เกิดขึ้นแล้ว เพราะ D850 จัดมาเต็มๆ ทุกปุ่มที่จำเป็นด้วยนะ ชอบมากครับ

[5] มองภาพแบบกว้างและสว่างขึ้นกว่าเดิม

เต็มตาเต็มอารมณ์กับจอพับสุดโหดไปแล้ว คราวนี้สำหรับคนที่ชอบส่องภาพผ่าน Viewfinder กันบ้าง … แม้จะไม่ EVF แต่ Nikon D850 ได้ Upgrade ตัวเองจากเดิมโดยการใช้ช่องมองภาพแบบ Pentaprism เหมือน Nikon D5 แถมเพิ่มกำลังขยายเป็น 0.75x ซึ่งกลายเป็นกล้องที่มีกำลังขยายสูงที่สุดในสารบบของ Nikon ไปเลย … เอ … แล้วไอ้ Pentaprism นี่มันดีกว่าแบบ Tunnel (หรือ Pentamirrors) ของรุ่นก่อนหน้ายังไง? คำตอบก็คือ จริงๆ แล้ว ทั้งสองรุ่นทำงานเหมือนกันในการมองภาพผ่านช่องมองภาพ แต่ Pentaprism จะมีต้นทุนสูงกว่า ที่ให้ความใส สว่างของภาพดีกว่า ซึ่งช่วยในการมองเห็น ตลอดจนการโฟกัส (ด้วยเลนส์มือหมุน) ในที่แสงน้อย นอกจากนี้ ช่องมองภาพแบบ Tunnel (หรือ Pentamirrors) หากออกแบบไม่ดี อาจทำให้เกิดความชื้น มีฝุ่นสะสม และหมองลงเรื่อยๆ ตลอดอายุการใช้งานครับ

[6] วิดีโอ 4k + Timelapse 8k

ไม่ต้องกลัวตกยุคอีกต่อไป วิดีโอ 4k แบบ fullframe (ไม่ Crop ภาพ) พร้อมเสริฟ์ใน Nikon D850 ให้เราได้บันทึกวิดีโอเพื่อดูใน Device ใหม่ๆ ได้อย่างคมชัด นอกจากนี้ สำหรับคอ Landscape ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ Timelapse ต้องไม่พลาดการบันทึก Timelapse แบบ 8k ที่สามารถจบหลังกล้อง (note: รอการ Review เพิ่มเติม) หรือจะมาจบเองหลังคอม (โดยการยิงภาพแบบ Interval timer shooting) ซึ่งเราอาจถ่าย Interval พร้อมกำหนด EV Auto bracketing ได้พร้อมกัน เช่น ให้แต่ละครั้งยิง 2 ใบ คือ Normal และ +3 stops (หรือจะสั่งให้เก็บ 2-5 ใบ แต่ละใบบันทึกแสงต่างกันได้ตั้งแต่ 0.3 – 3 stops) โดยปรับการวัดแสงให้เป็น Highlight priority พร้อมลด EV ลง -0.7EV เพื่อนำภาพที่ได้ไปทำ Timelapse แบบ HDR ต่อไป … ที่น่าสนใจก็คือ Nikon D850 ยังสามารถปรับ Mode การถ่ายไปใช้ Electronic shutter ที่เงียบ และถ่ายภาพได้นิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่มีการลั่นชัตเตอร์กลไก (Mechnical shutter) อันเป็นสาเหตุของภาพสั่นไหวนั่นเอง นอกจากนี้ การถ่ายภาพ Interval timer shooting ยังสามารถใช้ Mode A หรือ P เพื่อเปิดรับแสงในลักษณะ Day to Night หรือ Night to Day ได้ง่ายขึ้นด้วย180K-pixel RGB sensor แบบใหม่ที่ไวต่อแสง แม้ในที่มีแสงน้อยถึง EV -3!! (หรือเทียบเท่าการถ่ายภาพในเวลากลางคืนที่ได้รับแสงจากพระจันทร์เต็มดวง หากมืดกว่านี้ เช่น EV -4 คือ เวลากลางคืนที่มีแสงจากพระจันทร์ครึ่งดวง ไล่ไปถึง EV -6 คือ แสงในเวลากลางคืนที่มีเฉพาะแสงจากดวงดาวเท่านั้น) ทำให้การปรับค่าแสงอัตโนมัติในกล้องจากมืดไปสว่าง หรือจากสว่างไปมืดแบบอัตโนมัติได้ดีขึ้น (Smooth)

[7] สมบุกสมบันกว่าเดิม

สองประเด็นสำคัญคือ หนึ่ง : การออกแบบ Battery ใหม่ที่ให้พลังงานมากกว่าเดิม เมื่อทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผล EXPEED 5 แล้วจะทำให้เกิดการประหยัดพลังงานได้มากขึ้น และใช้กล้องได้ยาวนานขึ้น และ สอง : การไม่มีแฟรช Pop-up หัวกล้อง ซึ่งตรงนี้มีช่างภาพจำนวนมากบ่นเสียดาย ไม่น่าตัดทิ้ง แต่สำหรับผม มันโครตโดนใจ! น่าจะเอาออกไปตั้งแต่ Nikon D800/e เมื่อ 5 ปีก่อนโน่นแล้ว แถมมาทำไม เกะกะ ไม่ค่อยได้ใช้งาน แถมที่สำคัญ เวลาไปลุยน้ำ ลุยฝน ไอ้แฟรช Pop-up นี่หล่ะที่น้ำจะซึมเข้าไปก่อน น้ำฝนพอว่าแต่น้ำทะเลนี่สิ ตัวดีเลย ทิ้งไว้สักพักถ้าไม่รีบเช็ดออก “ขี้เกลือ” ขาวๆ ก็เริ่มเกาะตามหัวน๊อต และสุดท้ายก็เปิดแฟรช Pop-up ไม่ขึ้น … เอาออกไปนี่ ทำให้ Nikon D850 ลุยได้สมบุกสมบันกว่าเดิมครับ

อุปกรณ์เสริมสำหรับการสแกนฟิล์มระบบ 135 ด้วยกล้อง Nikon D850 ถือเป็นสเปคที่ต้องร้อง WOW ดังมาก สำหรับคนที่โตมากับการถ่ายภาพด้วยฟิล์มอย่างผม

ด้านล่างนี่ คือของแถมที่น่าสนใจ ที่เพิ่งมาค้นพบหลังจากมีการเปิด Spec เต็มๆ ในการเปิดตัว D850

+++ เครื่องสแกนฟิล์ม 45.5 MB ขนาดพกพา

อันนี้ สเปคถูกใจผมโดยเฉพาะ อาจไม่ใช่สายแลนด์ทุกคน … โดยกล้อง Nikon D850 ได้ออกแบบอุปกรณ์ยึดฟิล์มและเลนส์ไมโคร ร่วมกับชุดอุปกรณ์แปลงฟิล์มเนกาทีฟให้เป็นไฟล์ดิจิตอล (ต้องซื้ออุปกรณ์เสริม) ซึ่งจะแปลงฟิล์มเนกาทีฟ (ทั้งแบบสีและขาวดำ) ให้กลายเป็นภาพดิจิตอลความละเอียด 45 ล้านพิกเซล โดยสามารถปรับเปลี่ยนระดับความสว่างของภาพได้ทันที (สูงถึง +/- 5) และสามารถเชื่อมต่อไปยังหน้าจอมอนิเตอร์ผ่านทาง HDMI เพื่อช่วยให้สามารถฉายภาพผ่าน Projector เสมือนหนึ่งนั่ง Time machine ย้อนเวลากลับไปยิงฟิล์มสไลด์จาก Projector ยังไงยังงั้น OMG!! เอาใจผมไปเลย ชอบมากๆ 😀

+++ Peaking Highlights และ Focus

กล้อง D850 มาพร้อมกับการถ่ายภาพนิ่ง/ภาพเคลื่อนไหวที่ให้เราควบคุมคุณภาพของส่วนสว่างได้ดีกว่าเดิม โดยสามารถเลือกการควบคุมระดับ Highlights ได้ตั้งแต่ 180 – 255 ทั้งนี้ แสงที่ระดับ 255 จะแสดงเป็นสีขาวล้วน เมื่อเราควบคุมส่วน Highlight โดยลดระดับการบันทึกลงมาเช่น 250 จะป้องกันไม่ให้ Highlights หลุด (รอการทดสอบอีกครั้ง) และในส่วน Peaking focus นั้น นับเป็นครั้งแรกของกล้อง DSLR ของ Nikon ที่สามารถโฟกัสภาพได้ง่ายขึ้น โดยส่วนที่ชัดจะแสดงเป็นสี ทำให้การโฟกัสผ่านเลนส์มือหมุน หรือแม้แต่การถ่ายวิดีโอ ทำได้ง่ายดาย แม่นยำขึ้น (Note: เหมือนกับฟังก์ชั่น Peaking focus ของค่ายอื่นๆ ที่เคยออกมาก่อนหน้านี้)

+++ RAW batch processing

เราสามารถแต่งภาพ Raw processing หลังกล้องได้มากกว่า 1 ใบ ลองนึกถึงการถ่ายภาพ Interval timer shooting ที่ถ่ายมา 1 พันใบแบบ 14bit lossless RAW ด้วย XQD card ขนาด 128GB!! ที่ต้องการเปิดแสง เปิดเงา เพิ่มสีในภาพทั้งหมด หากเอาไปปรับแต่งในคอมพิวเตอร์รับรองกินเวลานานมากๆ (แค่ Load ภาพลงคอมก็หืดขึ้นคอแล้ว) แต่นี่ เราเพียงแค่เลือก In-camera RAW batch processing แล้ว Process ผ่านระบบปรับแต่งหลังกล้อง ใช้เวลาทั้งหมดเพียง 25-30 นาที ก็จะได้ภาพ .jpg มาใช้งานได้เลย

+++ Pinpoint AF

สาย Macro น่าจะชอบ เพราะเมื่อเราเปิด Live view เพื่อโฟกัสวัตถุเล็กๆ จะมีจุดโฟกัสขนาดเล็กกว่าขนาดปรกติถึง 1 ใน 4 เพิ่มขึ้นมา (Pinpoint AF) ทำให้สามารถโฟกัสได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งฟังก์ชั่นนี้มีครั้งแรกในกล้อง D850 เลยครับ

ข้อน่ารู้อื่นๆ

  • ใช้แบตเตอรี่เดิมของ Nikon D810 ได้ แต่หากซื้อแบตเตอรรี่รุ่นใหม่เฉพาะของ D850 สามารถถ่ายภาพได้มากขึ้น

  • L-Plate ที่เคยใช้กับ Nikon D810 โดยเฉพาะยี่ห้อ Really Right Stuff (RRS) ไม่สามารถใช้กับ D850 ได้ ถึงแม้ว่าในคู่มือจะระบุว่า D850 มีความบางกว่า D810 เล็กน้อย (7.85 cm : 8.15 cm) แต่ฐานของ D850 จะใหญ่กว่า D810 เล็กน้อยทำให้ L-Plate ที่ Design เฉพาะสำหรับ D800/e รวมถึง D810 ไม่สามารถใช้ได้กับ D850

  • ชุด Adapter ถ่ายฟิล์มหรือ Negative Digitiser นั้น ต้องซื้อแยก และใช้ได้กับฟิล์มระบบ 135 เท่านั้น ยังไม่รองรับระบบ 120 (อุปกรณ์เสริมอาจออกมาในอนาคต) และราคาที่ประกาศมาในเว็บ ตปท. นั้น ชุดนึง (Adapter + ที่ใส่ฟิล์ม) มีราคาประมาณ 3 พันบาท

  • Shutter life ของ D850 อยู่ที่ 200,000 ใบ ขณะที่ D5 และ D810 มี Shutter life ที่ 300,000 ใบ และ 150,000 ใบ

  • ผลการทดสอบ iso (อย่างไม่เป็นทางการ) D850 มีการจัดการ Noise ที่เหนือกว่า D810 ตั้งแต่ระดับ iso 6400 ขึ้นไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในระดับ iso 12800 นั้น D850 แสดงรายละเอียดได้ดีกว่า แต่ในระดับ iso 3200 นั้น ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า เมื่อเราปรับแต่งภาพจาก RAW ไฟล์ภาพของ D850 ย่อมมีคุณภาพ และสามารถปรับแต่งภาพได้มากกว่า D810

  • Natural light White Balance คือสิ่งที่ดีงามเป็นที่สุด ให้สี White balance ค่อนข้างแม่นยำ และมีฟังก์ชั่นปรับแก้สีเหลือง (Warm) ในภาพเพื่อให้มีสีขาวที่ถูกต้องมากขึ้น

สรุปเลยหล่ะกัน

จาก Spec. ในภาพที่ 2 พร้อมกับรายละเอียดที่ผมสาธยายมา 7 ข้อ ถ้าเกิดมีวิศวกรเก่งๆ คนไหนที่รับจ้าง Upgrade กล้องรุ่นอื่นของ Nikon ให้มี Spec. แบบ Nikon D850 ในราคา 5 หมื่นบาท ผมรับรองได้ว่า วิศวกรท่านนั้นรวยเละ … แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ผมยอมจ่ายเงินเพื่อ Upgrade กล้องจาก Nikon D810 มาเป็น Nikon D850 อย่างไม่ลังเล เพราะ กล้อง คือ ส่วนสำคัญงานอดิเรกที่ผมรัก … เพราะ กล้อง คือ เครื่องมือในการถ่ายภาพเพื่อเก็บความทรงจำที่ดีในชีวิตของผม … เพราะ กล้อง คือ อุปกรณ์ในการทำมาหาเงินเข้ามาในชีวิต … และ … เพราะ การซื้อกล้อง คือ การลงทุน ที่จะให้ผลตอบแทนกลับมาอย่างอนันต์ หากไม่เดือดร้อนเงินทอง ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ไม่ต้องไปโกหกแฟนว่ากล้องใหม่ราคาไม่กี่บาท … ซื้อเถอะครับ แล้วถือยาวๆ ได้อีกนานนนนนน และถ้าเพื่อนๆ อ่านมาถึงบรรทัดนี้ … รู้สึกว่า Nikon D850 นั้นเกินเอื้อม และอาจมีข้อจำกัดและภาระอื่นๆ ที่ทำให้ไม่สามารถจัด Nikon D850 ได้ในตอนนี้ ผมก็ยังเชื่อมั่นว่า กล้องรุ่นอื่นๆ ของ Nikon ไม่ว่าจะเป็น Nikon D750, D800/e โดยเฉพาะอย่างยิ่ง D810 ที่เริ่มมีมือสอง สภาพดี ราคาไม่แรง ปล่อยกันมากมาย ซึ่งถือเป็นกล้องครูของผมเลยเพราะใช้มันมาร่วม 3 ปี ให้งาน ให้เงินผมมามาก … ก็ขอให้ลองพิจารณาจัดรุ่นอื่นๆ ที่ว่ามานี้ แล้วรอสักพัก ค่อยสอย D850 ในภายหลัง … รับรองได้ว่า เพื่อนๆ ไม่เสียใจแน่นอนครับ … อ้อ Welcome Home นะครับ สาวก Nikon ทุกท่านที่เคยย้ายค่ายไป กลับมาเถอะ ยกมือสวัสดี กวักมือเรียกไวๆ … คิดถึงเกิ้นนนนน ?

 
Previous
Previous

เตรียมตัวไปลุยทริป ตปท : Check list อุปกรณ์เดินเขาสำหรับช่างภาพ

Next
Next

ระดับ “ความเงิบ” ของมุมในฝัน